สิทธิและวิธีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

อ้างถึง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 39(5) และประกาศ  เรื่อง นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  เพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject) ทุกคน ซี่งประกอบด้วยผู้สมัครงาน พนักงาน ลูกค้า ผู้จำหน่ายสินค้าหรือวัตถุดิบ ผู้รับเหมา ผู้ให้บริการ  ผู้รับบริการ หรือบุคคลใดๆก็ตามซึ่งเป็นคู่ค้า รวมถึงผู้ที่ติดต่อธุรกิจใดๆและได้ ตกลงยินยอมให้ บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) หรือตัวแทนผู้ควบคุมข้อมูลฯให้เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ที่ท่านซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ยินยอมให้เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามฐานการยินยอม (Consent )  ฐานของสัญญา (Contract ) ฐานประโยชน์อันชอบธรรมด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) และฐานอื่นๆอย่างหนึ่งอย่างใดหรือหรืออย่างตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลกำหนด (Lawful Basis) 

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึงข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล ที่ทำให้สามารถระบุถึงตัวท่านซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อและนามสกุล ภาพถ่าย ประวัติส่วนตัวในการสมัครงานหรือการทำงาน ตำแหน่งหน้าที่ วันเดือนปีเกิด สำเนาหรือหมายเลขบัตรประชาชน  ค่าจ้างเงินเดือน ข้อมูลการลางาน ขาดงาน ฯลฯ รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว(Personal Sensitive Data)เช่น เชื้อชาติ สัญชาติ ข้อมูลสุขภาพ  ลายนิ้วมือสำหรับบันทึกเวลาเข้าทำงาน ซึ่งเป็นข้อมูลชีวภาพและข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใดที่อาจกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลกำหนด ซึ่งเป็นข้อมูลชีวภาพตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

บริษัทฯขอแจ้งให้ทราบสิทธิของท่านซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และเงื่อนไขการขอเข้าถึง ขอใช้สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านดังนี้

1.ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล(Data Subject) เป็น ผู้สมัครงาน พนักงาน คู่ค้า ผู้มาติดต่อธุรกิจใดๆท่านมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามเงื่อนไขและวิธีการในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง ดังนี้

1.1 ขอเข้าถึงหรือรับสำเนาหรือคัดลอก หรือเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของตน

1.2 ขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนหรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของตนให้ถูกต้องเป็นปัจจุบันสมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

1.3 ขอส่งโอนข้อมูลส่วนบุคคลของตนในรูปแบบเอกสารหรืออิเลคโทรนิค (ถ้ามี)ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น

1.4 ขอคัดค้านการเก็บ รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตน

1.5 ขอให้ลบ ทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

1.6 ขอถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือขอถอนการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอีกต่อไป

1.7 ขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเมื่ออยู่ในระหว่างตรวจสอบ หรือขอให้ระงับการใช้แทนการลบหรือทำลาย หรือเมื่อข้อมูลนั้นหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาเพื่อใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

2. ในกรณีที่บริษัทฯซึ่งเป็นผู้ควบคุมข้อมูล ได้สั่งการหรือมอบหมายให้บุคคลภายนอกหรือนิติบุคคลอื่นซึ่งเป็นบุคคลหรือหน่วยงานหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ประมวลข้อมูลส่วนบุคคล  เช่น ผู้ให้บริการด้านการแพทย์และพยาบาลประจำบริษัท หรือ ผู้ให้บริการตรวจสุขภาพประจำปี ผู้รับจ้างตัดชุดทำงาน ผู้ตรวจสอบระบบคุณภาพหรือระบบอื่นๆ (Auditor) หรือผู้ให้บริการระบบคอมพิวเตอร์/โปรแกรมการทำงานต่างๆ เป็นต้น

2.1 บริษัทฯจะจัดทำข้อตกลงหรือสัญญากับบุคคลหรือนิติบุคคลใดๆซึ่งได้มอบหมายหรือมีคำสั่งจากบริษัทฯให้เป็นผู้ประมวลข้อมูล ซึ่งจะต้องปฎิบัติตามคำสั่งหรือตามที่บริษัทฯซึ่งเป็นผู้ควบคุมข้อมูล(DC) มอบหมาย

 2.2 บริษัทและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลรวมถึงการลบหรือทำลายเมื่อครบหรือถึงกำหนดระยะเวลาตามสัญญาหรือตามที่ได้ให้การยินยอมให้ผู้ควบคุมข้อมูลฯและผู้ประมวลผลฯ ได้ทำการเก็บรวบรวม  ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

3.วิธีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือคู่ค้า ผู้ให้บริการ ผู้รับบริการที่เป็นเจ้าของข้อมูลฯ

3.1 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลผู้ใด ประสงค์จะเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและยื่นคำร้องตามแบบฟอร์มที่กำหนดต่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ที่ได้รับคำสั่งแต่งตั้ง มอบหมายให้ทำหน้าที่ตัวแทนผู้ควบคุมข้อมูล ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเก็บรวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆดังนี้

  ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล : บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน)

 สถานที่ติดต่อ :ตั้งอยู่เลขที่ 77 ซอยเทียนทะเล 30 ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล  แขวงท่าข้าม  เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร

  • ผู้สมัครงาน/พนักงาน/อดีตพนักงาน | ผจก.แผนกบริหารงานบุคคล | [email protected], โทร.02-897-2250-1
  • คู่ค้าที่เป็นผู้จำหน่ายหรือรับจ้างหรือให้บริการ | ผู้จัดการแผนกจัดซื้อ | [email protected], โทร.02-897-2250-1
  • คู่ค้าที่เป็นผู้ซื้อหรือผู้ว่าจ้างหรือรับบริการ | รองกรรมการผู้จัดการสายการพาณิชย์ | [email protected], โทร.02-897-2250-1
  • อื่นๆ | แผนกส่วนกลาง | [email protected], โทร.02-897-2250-1

4.กรณีที่เป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานตามสายงาน หรือแผนกหรือหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น หน่วยงานฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรหรือ แผนกบัญชี แผนกการเงิน  แผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ  แผนกความปลอดภัยในการทำงาน เป็นต้น บริษัทฯซึ่งเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะกำหนดขอบเขตหน้าที่การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามตำแหน่งและหน้าที่ความรับผิดชอบและความจำเป็นของงานในคำสั่งแต่งตั้ง มอบหมายตัวแทนผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือเอกสารประกาศแต่งตั้ง

5.บุคคลหรือนิติบุคคลใดๆที่ไม่ได้รับคำสั่งหรือมอบหมายให้เข้าถึงหรือเก็บรวบรวม ใช้รวมถึงประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นๆ ไม่มีสิทธิในการเข้าถึง เก็บรวบรวม ใช้ แก้ไข ลบ ทำลายหรือกระทำด้วยประการใดๆต่อข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นรวมถึงความ พยายามหรือกระทำการใดตามข้างต้น ไม่ว่าโดยจงใจหรือไม่ก็ตามด้วยวิธีการใดๆ โดยไม่ได้รับอนุมัติจากผู้ควบคุมข้อมูล หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

6.ห้ามนำข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บ ใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากที่ได้ให้การยินยอม รวมถึงแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น   

7.กรณีที่บุคคล ที่ขอนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้หรือเก็บรวบรวม และใช้ประมวลผลภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น จะต้องมีระบบหรือมาตรการเก็บรักษาข้อมูลไม่ให้ผู้ใดเข้าถึง แก้ไข เปลี่ยนแปลง รั่วไหล ฯลฯหรืออื่นใดที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด รวมถึงนำไปเปิดเผย หรือแสวงหาผลประโยชน์หรือทำให้เจ้าของข้อมูลได้รับความเสียหาย ผู้นั้นจะต้องรับโทษตามที่กฎหมายกำหนดด้วย

8.กรณีที่บุคคลใดที่ มีความสงสัยหรือไม่เข้าใจเกี่ยวกับการขอข้อมูลหรือการนำไปเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลฯ ให้สอบถามได้ที่ผู้ควบคุมข้อมูล

9.ในกรณีที่ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบปฏิบัติหรือหรือไม่มีหน้าที่ใดๆเกี่ยวข้อง พ.ร.บ.นี้  ถ้าผู้นั้นนำไปเปิดเผยแก่ผู้อื่นต้องรับโทษทั้งทางแพ่งและอาญาตามที่กฎหมายกำหนด นอกเหนือจากการลงโทษตามระเบียบข้อบังคับการทำงาน

10.ให้ผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ที่มีหน้าที่และความจำเป็นในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลตามประกาศนี้ปฎิบัติตามรายละเอียดขั้นตอน ดังนี้คือ

10.1.ยื่นคำร้องขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองตามแบบฟอร์มที่กำหนดในวันและเวลาทำงานของบริษัทฯ

10.2 กรอกรายละเอียดและแนบสำเนาบัตรประชาชนหรือบัตรพนักงานเพื่อแสดงตัวตนเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

10.3.แผนกที่จัดเก็บข้อมูลดำเนินการตามคำร้องขอตามแบบฟอร์มจะทำการบันทึกการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าหนี้ในฐานะตัวแทนผู้ควบคุมข้อมูล ตามบันทึกรายการตามมาตรา 39 (ROC- Record of Controller)

11.กรณีที่มีข้อสงสัยหรือข้อขัดแย้งใดๆให้คำชี้ขาดของผู้ควบคุมข้อมูลและเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูล   ส่วนบุคคล (DPO) เป็นที่ยุติและปฎิบัติตาม

รายละเอียดอื่นๆ ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือประกาศที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด และระเบียบปฏิบัติการบริหารควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ควบคุมข้อมูลฯ ได้กำหนดขึ้น และปฎิบัติอย่างเคร่งครัด

จึงประกาศมาเพื่อทราบและปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1 เดือน  มิถุนายน พ.ศ. 2565 เป็นต้นจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง