บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน) เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของคู่ค้าซึ่งเป็นกรรมการของคู่ค้าที่เป็นนิติบุคคล บุคคลธรรมดา รวมถึงผู้ปฏิบัติงานและพนักงานของคู่ค้า (รวมเรียกว่า “ท่าน”) และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าท่านได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ทราบถึงรายละเอียดการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) รวมตลอดถึงการลบ ทำลาย ข้อมูลส่วนบุคคลของทั้งช่องทางออนไลน์ และช่องทางอื่นๆ ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ดังนี้
1.วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
1.1 เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของคู่ค้าก่อนเข้าทำสัญญา หรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งคู่ค้าเป็นคู่สัญญากับบริษัทฯ
1.2 เพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคลอื่น
– เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามสัญญาระหว่างคู่ค้ากับบริษัท และบริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการจัดซื้อ จัดจ้าง ตรวจรับ ชำระค่าสินค้าและบริการ บริหารจัดการความสัมพันธ์ ตรวจสอบและประเมินการทำงานตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ในใบสั่งซื้อหรือสัญญาหรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับท่าน (การปฏิบัติตามสัญญา Contract)
– เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เช่น เพื่อการบริหารจัดการภายในของบริษัท การพัฒนา และการดำเนินการใดๆ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ ซึ่งรวมถึงการบริหารจัดการและพัฒนาสินค้า และ/หรือบริการ (รวมถึงเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน) การวิจัย การทำตามระบบคุณภาพที่บริษัทดำเนินการ เช่น ทำแบบสอบถาม เข้าสัมภาษณ์ การตรวจสอบและป้องกันการฑุจริต หรืออาชญากรรมอื่นๆ และการบำรุงรักษาระบบสารสนเทศ (ฐานเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย Legitimate Interest)
– เพื่อประโยชน์ทางด้านความปลอดภัย เช่น จัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งรวมถึงระบบไอที สารสนเทศ เช่น การเข้าสถานที่ของบริษัท การเข้าสู่ระบบ (Log in) เข้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน (ฐานเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย Legitimate Interest)
– เพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย (ฐานเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย Legitimate Interest)
1.3 เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ (ฐานเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย Legitimate)
1.4 เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย (ตามฐานกฎหมาย Legal Obligation)
1.5 กรณีที่ท่านให้ความยินยอม บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามวัตถุประสงค์กำหนดไว้ในแต่ละความยินยอม เพื่อให้บริษัทดำ เนินกำรจัดกิจกรรมนอกจากที่กล่าวมาข้างต้น โดยบริษัทฯ อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบและขอความยินยอมจากท่านใหม่เป็นคราวๆ ไป
2.ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
2.1 บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อคู่ค้าติดต่อ ขายหรือซื้อสินค้า หรือให้บริการใด ๆ แก่บริษัทฯ เช่น
– ข้อมูลนามบัตร เช่น ชื่อ นามสกุล ตำแหน่งงาน เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์
– ข้อมูลที่ใช้ในการยืนยันตัวตนได้ เช่น ชื่อนามสกุล เลขที่และข้อมูลบนบัตรประชำชน รูปถ่าย และ ข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ ที่ใช้ในการระบุตัวตน
– ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของท่าน เช่น ข้อมูลประวัติและการปฏิบัติงาน ข้อมูลเกี่ยวกับการ จ้างงาน และข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานของท่าน รวมทั้งข้อมูลบัญชีและการเงิน เช่น ค่าตอบแทน หมายเลขบัญชีธนาคาร
– ข้อมูลเกี่ยวกับการทำตามระบบคุณภาพที่บริษัทดำเนินการ เช่น ทำแบบสอบถาม เข้าสัมภาษณ์ การตรวจสอบและป้องกันการฑุจริต
2.2 เมื่อท่านเข้ามาในบริเวณพื้นที่ของบริษัท บริษัทฯ อาจเก็บภาพของท่านโดยใช้กล้องวงจรปิด ทั้งนี้ บริษัทฯไม่ได้เก็บข้อมูลเสียงผ่านทางกล้องวงจรปิด และจะติดป้ายแจ้งให้ท่านทราบว่ามีการใช้กล้องวงจรปิดในบริเวณพื้นที่ของบริษัทฯ
2.3 บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ แจ้งไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เช่น
– ในบางกรณี บริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษ เช่น อาจจำเป็นต้องใช้สำเนาบัตรประชาชนซึ่งมีข้อมูลศาสนา เชื้อชาติ สัญชาติ กรุ๊ปเลือดของท่านที่ปรากฎอยู่ เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนหรือดำเนินการด้านภาษี
– ข้อมูลสุขภาพ ประวัติการจ่ายยา เพื่อการประเมินความสามารถในการทำงาน รวมถึงการปฏิบัติตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง
2.4 ในกรณีที่จำเป็น บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่านโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอเพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่าน
3.การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล
3.1 ในกรณีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของท่านที่ให้ไว้กับบริษัทฯ ได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
3.2 หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทฯ หรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้
4.ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
4.1 บริษัทฯ จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)
4.2 กรณีกล้อง CCTV บริษัทฯ จะจัดเก็บ
– ในสถานการณ์ปกติ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเก็บไว้นานถึง 15 วัน
– ในกรณีจำเป็น เช่น กรณีที่จำเป็นต้องใช้เป็นหลักฐานในการสืบสวน สอบสวน หรือการดำเนินคดี หรือกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ ข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูกเก็บรักษาไว้เกินกว่า 15 วัน และบริษัทฯ จะดำเนินการลบข้อมูลดังกล่าวเมื่อเสร็จสิ้นวัตถุประสงค์นั้นๆ แล้ว
4.3 บริษัทฯ จัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
4.4 กรณีที่บริษัทฯ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังกล่าวจนกว่าท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอม และบริษัทฯ จะดำเนินการตามคำขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดี บริษัทฯ จะยังเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นสำหรับบันทึกเป็นประวัติว่าท่านเคยยกเลิกความยินยอม เพื่อให้ บริษัทฯ สามารถตอบสนองต่อคำขอของท่านในอนาคตได้
5.การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น
5.1 บุคคลและนิติบุคคลอื่น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เช่น ผู้ให้บริการด้านการขนส่ง (เช่น ไปรษณีย์) ผู้ให้บริการเกี่ยวกับธุรกรรมและการเงิน (เช่น ธนาคาร บริษัทรับชำระเงินแทน) ผู้ให้บริการทางด้านเทคโลยี (เช่น ระบบคลาวด์) บริการ data analytics ผู้ให้บริการจัดทำโปรแกรมและระบบไอทีต่างๆ ผู้ตรวจสอบ ที่ปรึกษา หน่วยงานของรัฐ (เช่น กรมสรรพากร) และบุคคลอื่นที่จำเป็นเพื่อให้เบริษัทสามารถดำเนินธุรกิจคู่ค่า ติดต่อ ขายหรือซื้อสินค้า หรือให้บริการร่วมกับท่าน รวมถึงดำเนินการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
5.2 บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการป้องกันข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่างเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ
6.มาตรการความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล
6.1 กรณีเป็นการจัดเก็บโดยระบบอิเลคโทรนิคส์ต้องมีการเข้ารหัสผ่าน หรือใช้อุปกรณ์ที่กำหนดและมีระบบป้องกันการเข้าถึงอุปกรณ์ดังกล่าว และปลอดภัยจากการเข้าถึงของผู้ที่ไม่มีอำนาจ หน้าที่ และป้องกันการเปลี่ยนแปลง แก้ไข ลบ ทำลาย
6.2 กรณีที่เป็นเอกสารจะต้องมีการเก็บรักษาให้สามารถใช้งานได้และพร้อมใช้ในสถานที่ปลอดภัยจากผู้ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการเข้าถึงข้อมูล เช่น เก็บใส่ตู้หรือลิ้นชัก มีกุญแจป้องกันหรือภัยใดๆ ที่อาจทำให้ข้อมูลเสียหายซึ่งเก็บรักษาและควบคุมการใช้โดยผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
6.3 ฝึกอบรมเกี่ยวกับความสำคัญและการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลเหล่านี้
7.สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
7.1 ท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครอบข้อมูลส่วนบุคคล สรุปดังนี้
– ถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท เพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
– ขอดูและคัดลอกข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
– ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
– คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน
– ลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้
– ระงับการใช้ข้อมูส่วนบุคคลของท่าน
– แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
– ร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัท หรือผู้ประมวลผลข้อมูลรวมทั้ง
พนักงานของบริษัท หรือผู้รับจ้างของบริษัท ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
– กรณีพนักงานมีข้อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน สามารถดดูรายละเอียดได้ที่ ประกาศ เรื่อง สิทธิและวิธีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลตาม พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องขอใช้สิทธิของพนักงานโดยเร็วภายใน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าว และสิทธิตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
8.ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
8.1 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล : บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน)
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 77 ซอยเทียนทะเล 30 ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน
กรุงเทพมหานคร
8.2 กรณีท่านมีข้อสอบถามเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โปรดติดต่อ e-mail : [email protected] จึงประกาศมาเพื่อทราบและปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2565 เป็นต้นไปหรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง กรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ บริษัทจะประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวให้ทราบทันที